ทำความรู้จัก Chelation Therapy

เทคนิคล้างพิษหลอดเลือด
ฟื้นฟูความเสื่อมของร่างกาย

Chelation Therapy ’ หรือ ‘ การล้างพิษหลอดเลือด ’ มาเป็นตัวช่วยขจัดสารพิษและโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย โดยเข้าสู่ร่างกายผ่านทางน้ำเกลือที่มี EDTA (สารประกอบประเภทกรดอะมิโน) ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ซึ่ง EDTA เรียกว่าเป็นฮีโร่สำคัญที่ทำหน้าที่จับสารโลหะหนักส่วนเกินที่สะสมตกค้างอยู่ตามเนื้อเยื่อหรือผนังหลอดเลือด แล้วขับโลหะหนักเหล่านั้นออกจากร่างกายผ่านปัสสาวะ

Chelation Therapy

ช่วยอะไรบ้าง

ช่วยขจัดโลหะหนักและสารพิษอื่นๆ สะสมในร่างกายได้แล้ว ยังเหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด หรือมีระดับอนุมูลอิสระสูง เช่น ติดดื่มชา / กาแฟ / แอลกอฮอล์ / สูบบุหรี่, ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เวียนหัวง่าย ระบบการไหลเวียนเลือดบกพร่อง, ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง หรือแม้แต่งคนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีอยู่แล้ว แต่อยากจะป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งและโรคเส้นเลือดตีบตัน เพื่อชะลอวัยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติและเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

โปรแกรม Chelation Therapy

เหมาะกับใคร?

โปรแกรม Chelation Therapy

เหมาะกับใคร?

ผู้ที่มีความเสี่ยงอุดตันหลอดเลือด

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด หรือมีระดับอนุมูลอิสระสูง เช่น ติดดื่มชา / กาแฟ / แอลกอฮอล์ / สูบบุหรี่

ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ

ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เวียนหัวง่าย ระบบการไหลเวียนเลือดบกพร่อง

ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง

ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูงเพราะจะช่วยขจัดโลหะหนักและสารพิษอื่นๆ สะสมในร่างกาย

ผู้ที่ต้องการป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง

ผู้ที่ต้องการป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งและโรคเส้นเลือดตีบตัน เพื่อชะลอวัยให้ระบบต่างๆ

BEFORE & AFTER

Chelation Therapy

ขั้นตอนการทำ Chelation Therapy

ด้วยความชำนาญของแพทย์

ก่อนที่เริ่มต้นทำ Chelation Therapy แพทย์จะตรวจผลเลือดเพื่อเช็คสภาวะการทำงานของไตและหลอดเลือดก่อน เสร็จแล้วก็ให้สารน้ำทางหลอดเลือด (IV EDTA) เพื่อขับสารพิษโลหะหนักออกจากร่างกาย พร้อมทั้งปรับสภาพเซลล์ต่างๆ ให้กลับมาทำงานได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพอีกครั้ง โดยการทำ Chelation Therapy จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง / ครั้ง ระหว่างการให้สารน้ำทางหลอดเลือด ก็สามารถพักผ่อน ดูหนัง ฟังเพลง หรือรับประทานของว่าง / เครื่องดื่มไปด้วยได้ ที่สำคัญหลังทำการรักษาเสร็จแล้วก็กลับไปทำกิจกรรม หรือใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เหมือนเดิม แต่สำหรับใครที่เกิดผลข้างเคียง อย่างเช่นมีอาการอ่อนเพลียจากการขับของเสียออกจากร่างกาย ก็แนะนำให้ใช้วิธีดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่และผักผ่อนให้เพียงพอ

Chelation Therapy คืออะไร?

ช่วยอะไรได้บ้าง

ปัจจุบันจึงมีการคิดค้นนวัตกรรมด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยที่เรียกว่า ‘ Chelation Therapy ’ หรือ ‘ การล้างพิษหลอดเลือด ’ มาเป็นตัวช่วยขจัดสารพิษและโลหะหนักที่สะสมในร่างกาย โดยเข้าสู่ร่างกายผ่านทางน้ำเกลือที่มี EDTA (สารประกอบประเภทกรดอะมิโน) ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ซึ่ง EDTA เรียกว่าเป็นฮีโร่สำคัญที่ทำหน้าที่จับสารโลหะหนักส่วนเกินที่สะสมตกค้างอยู่ตามเนื้อเยื่อหรือผนังหลอดเลือด แล้วขับโลหะหนักเหล่านั้นออกจากร่างกายผ่านปัสสาวะ

สรุปเกี่ยวกับ Chelation Therapy

หากใครกังวลใจเกี่ยวกับการมีสารพิษโละหนักสะสมตกค้างอยู่ภายในร่างกาย แล้วไม่อยากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อสุขภาพ หรือเกิดโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรงตามมาในอนาคต Chelation Therapy ก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์และน่าสนใจมากๆ เลยทีเดียวนะ เพราะว่าโปรแกรมนี้เป็นเทคนิคการล้างพิษหลอดเลือด ด้วยการให้สารน้ำผ่านหลอดเลือดเพื่อเข้าไปขจัดโลหะหนักและสารพิษต่างๆ ให้ถูกขับออกมาผ่านปัสสาวะ นอกจากจะช่วยให้ร่างกายไร้สารพิษตกค้าง และป้องกันการเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้แล้ว ยังช่วยชะลอวัยให้ระบบต่างๆ กลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

คำถามที่พบบ่อย

ไขข้อข้องใจ

จะรู้ได้อย่างไรว่ามีโลหะหนักสะสมอยู่ในร่างกาย?

หลายคนอาจเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ‘จะรู้ได้อย่างไรว่ามีโลหะหนักสะสมอยู่ในร่างกาย?’ ก็สามารถสังเกตได้จากอาการผิดปกติที่มักเกิดขึ้นเมื่อมีสารโลหะหนักสะสมภายในร่างกาย อย่างเช่นมีอาการปวดศีรษะบ่อย อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ง่วงตลอดเวลา หงุดหงิดง่าย สมาธิ / ความจำไม่ดี มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายและข้อ หรือระบบเผาผลาญทำงานน้อยลง ส่งผลให้มีอาการเบื่ออาหาร ท้องผูก ท้องอืด อ้วนง่าย มีกลิ่นปากหรือกลิ่นตัวแรง รวมทั้งอาการผิดปกติที่แสดงผ่านปัญหาผิวพรรณ เช่น โรคผิวหนังเรื้อรัง สิว ฝ้า เกิดผื่นคัน แผล หรือมีฝีขึ้นบ่อย

แล้วหากปล่อยให้มีโลหะหนักสะสมอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลานาน โดยไม่มีการล้างพิษหลอดเลือดเพื่อกำจัดสารพิษเหล่านั้นออกไป ก็อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและเกิดโรคภัยไข้เจ็บขั้นรุนแรงได้ เช่น ทำให้เซลล์เสื่อมหรือตาย เปลี่ยนแปลงโครงสร้างยีนหรือพันธุกรรม มีความเสี่ยงที่จะก่อเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือมะเร็งชนิดต่างๆ  รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดภาวะการอักเสบเรื้อรังและเกิดอนุมูลอิสระ นับเป็นภัยร้ายที่ทำให้คุณภาพชีวิตของคนเราตกต่ำลงอย่างมาก

โลหะหนัก คืออะไร?

‘โลหะหนัก’ ถือเป็นสารอันตรายและเป็นหนึ่งในสาเหตุที่คร่าชีวิตของคนเราได้ หากมีโลหะหนักสะสมอยู่ภายในร่างกายในปริมาณที่มากจนเกินไป และมีการสะสมมาเป็นระยะเวลานาน ก็อาจเปิดทางให้โรคร้ายแรงต่างๆ เข้ามารุมเร้าและทำลายสุขภาพจนเกิดความเจ็บป่วยขึ้นได้ง่ายๆ ซึ่งโลหะหนักจากภายนอกสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายช่องทางเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารพิษ การสูดดมผงฝุ่นที่มีส่วนผสมของโลหะหนัก หรือแม้แต่การใช้เครื่องสำอางบางประเภทที่มีส่วนของโลหะหนัก ก็มีความเสี่ยงที่จะมีการดูดซึมสารพิษผ่านทางผิวหนังได้ด้วยเช่นกัน

รีวิวจากผู้ใช้จริง