IV Drip ดริปวิตามิน ทางเลือกใหม่ดูแลผิวสวย

ไม่ว่าใครก็อยากมีผิวที่สุขภาพดีแน่นอน แต่บางครั้งการดูแลผิวก็เป็นเรื่องยาก ทั้งจากสภาพอากาศ การพักผ่อนน้อย ขาดการออกกำลังกาย หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมา แต่ไม่ต้องกังวล เพราะปัญหาผิวสามารถแก้ไขได้โดยเติมวิตามินให้กับร่างกาย 

โดยปกติแล้วการให้วิตามินแก่ร่างกายมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทาน การทาครีม การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ การอมไว้ใต้ลิ้น แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นั่นคือ “การดริปวิตามิน” ซึ่งเป็นวิธีการรับวิตามินเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรง บำรุงร่างกายได้ทันที เห็นผลลัพธ์ไว เเตกต่างจากการรับวิตามินจากทางอื่นๆ ซึ่งระบบร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้เพียง 20-40% และใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ทำให้ drip vitamin เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและปลอดภัย

ดริปวิตามิน (IV Drip) คืออะไร

IV Drip หรือ ดริปวิตามิน ย่อมาจาก Intravenous Drip หรือคือการฉีดสารอาหารบำรุงผิวหรือวิตามินส่งตรงเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ ทำให้ได้รับวิตามินอย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองใดๆ หลังจากนั้นร่างกายจะขับถ่ายออกโดยไม่เหลือสารอันตรายตกค้างในร่างกาย ในส่วนของวิตามินจะมีสูตรและส่วนผสมแตกต่างกันไป สามารถเลือกได้ว่าอยากได้สูตรที่ช่วยบำรุงแบบใด หรือสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกสูตรที่ตอบโจทย์มากที่สุดได้

ดริปวิตามินราคาเท่าไหร่

ดริปวิตามินราคาเท่าไหร่
ราคาดริปวิตามิน

ราคาปกติ

Collagen Drip ราคาปกติ 2,999 บาท

การทำ IV Drip ช่วยอะไร

ดริปวิตามินช่วยอะไร

แน่นอนว่าประโยชน์หลักของวิตามินคือช่วยเรื่องผิวพรรณ ให้ผิวแลดูขาวกระจ่างใสขึ้น เพราะวิตามินจะเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหนัง เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว ผิวจึงกระจ่างใสและลดความหมองคล้ำได้

การดริปวิตามินจะส่งวิตามินเข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรง เท่ากับว่าสามารถเพิ่มระดับวิตามินที่ร่างกายขาดได้ในทันที เช่น วิตามินซี วิตามินบี ที่เป็นสารสำคัญต่อร่างกาย

วิตามินมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อได้รับวิตามินโดยตรงจากการ Drip Vitamin ก็จะช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ ป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะพวกอาการเหน็บชา โรคที่เกี่ยวกับเลือด

วิตามินมีสารต้านอนุมูลอิสระและเกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน เมื่อได้รับวิตามินอย่างเพียงพอจะช่วยบำรุงผมให้เงางาม เล็บแข็งแรง และผิวหนังเปล่งปลั่ง

หากกำลังควบคุมน้ำหนักแต่ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ IV Drip สามารถเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักได้ เพราะวิตามินสามารถเพิ่มระดับการเผาผลาญ ช่วยให้ร่างกายนำไขมันมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยลดความอ่อนล้า ทำให้ออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ ลดไขมันส่วนเกินได้ดีขึ้นอีกด้วย

IV Drip ของ Waleerat มีกี่สูตร

โดยทั่วไปแล้วการดริปวิตามินจะมีสูตรหลักๆ คือ สูตรที่ช่วยเรื่องผิวใส สูตรสำหรับลดน้ำหนัก สูตรเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สูตรลดความอ่อนล้า และอื่นๆ ซึ่ง Waleerat ได้สร้างสรรค์สูตรสุดพิเศษให้เลือกด้วยกัน 2 สูตร คือ Collagen Drip และ Fat Burner มาดูกันว่าแต่ละสูตรมีรายละเอียดและช่วยบำรุงสุขภาพเรื่องอะไรบ้าง

Collagen Drip

Collagen Drip เป็นสูตรดริปผิวเข้มข้น นำเข้าสารอาหารจากต่างประเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์ X10 มีส่วนช่วยกระตุ้นการเกิดคอลลาเจนเเละการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวกระชับมากขึ้นกว่าเดิม ร่องลึกเเลดูตื้น ผิวกระจ่างใส เเละนุ่มละมุนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะหลังการทำหัตถการฉีดไหม ร้อยไหม เเละศัลยกรรม แนะนำให้ดริปผิวด้วยสูตรนี้ ก็จะช่วยฟื้นฟูผิวรอบไหมได้ดียิ่งขึ้น

หลังทำ Collagen Drip เเนะนำให้ทานอาหารที่มีส่วนผสมของ Vitamin C เพื่อช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย ทำให้มีเนื้อเยื่อเกิดใหม่มีคุณภาพ เเละอย่าลืมทานน้ำเยอะๆ หลังฉีด 1-2 ลิตร เเละหลีกเลี่ยงเเสงเเดด

Fat Burner

Fat Burner เป็นดริปวิตามินลดน้ำหนักสูตรลับเฉพาะของ Waleerat ที่จะช่วยให้การควบคุมน้ำหนักเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น มีส่วนผสมของวิตามินซี และวิตามินบี ที่ช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้ดีมากกว่าเดิม เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น ลดผลกระทบต่างๆ หรืออาการบาดเจ็บที่เกิดจากการออกกำลังกาย มีสาร vitamin c ช่วยลดความอ่อนล้าและความเครียด นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความสดชื่นของร่างกาย ไม่ทำให้ร่างกายโทรม

ดริปวิตามินผิวใส เติมสารอาหารผิวที่ WALEERAT

การฉีดวิตามินดริปเหมาะกับใคร

เหมาะ

  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ผิวสุขภาพดีแบบรวดเร็ว
  • ผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง
  • ผู้ที่ต้องการดูแลผิวที่นอกเหนือจากวิธีการแบบอื่น เช่น การยิงเลเซอร์ การทาครีม การทานยา เป็นต้น
  • ผู้ที่ขาดวิตามินในร่างกาย ต้องการเติมสารวิตามินแบบเร่งรัด
  • ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสุขภาพผิวให้ดีทั้งภายในและภายนอก
  • ผู้ที่มีความอ่อนล้า ไม่กระปรี้กระเปร่า พักผ่อนไม่เพียงพอ ต้องการเติมความสดชื่นให้ร่างกาย
  • ผู้ที่กำลังควบคุมอาหาร ต้องการตัวช่วยในการลดน้ำหนัก

ไม่เหมาะ

  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวานที่อาการไม่คงที่ โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน โรคตับ และโรคไต
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะบางอย่าง เช่น ผู้ที่มีภาวะมีวิตามินเกิน ผู้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ และผู้ที่กำลังตั้งครรภหรือให้นมบุตรด้วย

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ไม่สามารถดริปวิตามินได้ เพราะฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์และแจ้งโรคประจำตัวต่างๆ ก่อนทำทุกครั้ง

การฉีดวิตามินดริปมีกี่แบบ

ฉีดแบบเข็มไซริงค์

ฉีดแบบเข็มไซริงค์

คือการนำวิตามินใส่ในหลอดเข็มฉีดยาแล้วฉีดเข้าสู่หลอดเลือดดำโดยตรง สามารถฉีดได้หลายจุดตามร่างกาย

ฉีดแบบถุงน้ำเกลือ

ฉีดแบบถุงน้ำเกลือ

เป็นการให้วิตามินในลักษณะเดียวกันกับการให้น้ำเกลือ คือ ใช้เข็มเจาะเข้าไปที่หลอดเลือดดำ โดยเข็มจะเชื่อมกับถุงที่ใส่วิตามิน เมื่อเจาะเข็มแล้วนั่งรอจนกว่าวิตามินจะไหลเข้าสู่หลอดเลือดดำจนหมด

การเลือกวิธีฉีดวิตามินขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละบุคคล คำแนะนำและการวินิจฉัยของแพทย์ รวมไปถึงวิธีการให้บริการของสถานพยาบาล ซึ่งอาจเลือกวิธีการใดวิธีการหนึ่ง หรืออาจใช้ทั้งวิธีการทั้งสองแบบควบคู่กันไป เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด

ขั้นตอนในการดริปวิตามิน

  1. เข้ารับการตรวจร่างกาย ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต
  2. พนักงานบริการทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดหรือเจาะเข็ม
  3. ฉีดวิตามินเข้าหลอดเลือดดำ หรือเจาะเข็มเข้าหลอดเลือดดำ
  4. หลังจากฉีดวิตามินจนหมด แพทย์จะนำเข็มออก แล้วปิดแผลด้วยผ้าก๊อซหรือพลาสเตอร์ หลังจากนั้นจึงสามารถกลับบ้านได้ ใช้เวลาโดยรวมไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง
    • การฉีดแบบเข็มไซริงค์ แพทย์จะค่อยๆ ฉีดให้วิตามินเข้าไปในหลอดเลือดดำอย่างช้าๆ จนหมด
    • การฉีดแบบถุงน้ำเกลือ เมื่อแพทย์เจาะเข็มที่เชื่อมกับถุงบรรจุวิตามินเข้าหลอดเลือดดำแล้ว แพทย์จะให้นั่งรอจนกว่าวิตามินจะไหลเข้าหลอดเลือดดำจนหมด

การทำ IV Drip มีผลข้างเคียงไหม

โดยทั่วไปแล้ว ผลข้างเคียงที่เกิดจากการทำ IV Drip มีเพียงแค่รอยช้ำหรือรอยแดงตามบริเวณที่ฉีดเท่านั้น แต่หากเกิดอาการแพ้หรือฉีดวิตามินที่ไม่ได้มาตรฐาน จะมีลักษณะอาการคล้ายกับการแพ้ยาหรือแพ้อาหาร คือ ระคายเคืองผิวหนัง มีผื่นแดง คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะ หายใจไม่สะดวก หากเกิดอาการดังกล่าวควรรีบพบแพทย์ทันที นอกจากนี้ควรฉีดวิตามินในปริมาณที่เหมาะสม หากฉีดมากเกินไปอาจก่อให้เกิดโรคร้ายแรงในภายหลังได้

การเตรียมตัวเพื่อดูแลตัวเอง ก่อน-หลัง ฉีดวิตามินผิว (IV Drip)

ก่อน

  • ต้องทราบความต้องการของตัวเองก่อนว่าอยากฉีดวิตามินเพื่อสุขภาพด้านใด
  • ปรึกษาแพทย์และแจ้งความต้องการ แพทย์จะทำการซักประวัติ เพื่อที่แพทย์จะให้คำแนะนำการเลือกสูตรวิตามินและวิธีการที่เหมาะสม

หลัง

  • หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัดโดยตรง หากมีความจำเป็นต้องอยู่ในที่กลางแจ้ง ให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF 50+ ขึ้นไป
  • งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ระยะยาวอย่างไม่มีกำหนด 
  • ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ
  • รับประทานทานอาหารที่มีประโยชน์และได้รับสารอาหารครบถ้วน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ 2-3 ลิตรต่อวัน
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที
IV Drip เผยผิวใส ให้สุขภาพผิวดีกว่าที่เคย

ดริปวิตามินที่ไหนดี

ดริปวิตามินที่ไหนดี

ผลลัพธ์การดริปวิตามินจะดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยูกับการเลือกสถานพยาบาลด้วย ต้องคำนึงถึงมาตรฐานของสถานพยาบาล มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง การรักษาโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ รวมไปถึงพนักงานบริการที่มีความใส่ใจและยิ้มแย้มแจ่มใสด้วย เพราะการเลือกสถานพยาบาลที่ดี จะทำให้ผลลัพธ์การรักษาเป็นที่น่าพึงพอใจ และยังสามารถวางแผนและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีอีกด้วย

IV Drip หรือ ฉีดวิตามินผิว ที่ Waleerat Clinic สามารถวางใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอน เพราะสูตรวิตามินของ Waleerat ผ่านการรับรองจาก อย. คัดสรรแต่ส่วนผสมดีๆ นำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด นอกจากนั้นยังมีมาตรฐานความสะอาด ทั้งสถานที่ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำแนะนำและรักษาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ พร้อมทีมบริการที่ใส่ใจและคอยช่วยเหลือ มั่นใจได้ว่าปลอดภัย เห็นผลลัพธ์จริง ประทับใจการบริการอย่างแน่นอน

FAQ

3-5 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน

เมื่อหยุดดริปวิตามิน ผิวสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หากดูแลตัวเองไม่ดีพอ ดังนั้นการดูแลตัวเองหลังการหยุดดริปแล้วจึงสำคัญมาก

ทั้งสามอย่างนี้เหมือนกัน เป็นการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำทั้งหมด

ไม่เท่ากัน การรับวิตามินด้วยการรับประทานและทา ระบบร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้เพียง 20-40% และใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล แตกต่างจากการฉีดที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ 100%

Copyright © 2022 Waleerat Clinic